เรื่องสยองในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง
ในโรงเรียนทุกโรงเรียนที่ก่อสร้างมานานล้วนแต่มีเรื่องเล่าที่สยองขวัญทั้งนั้น เรื่องที่ผมนำมาเล่านี้ก็เป็นเรื่องสยองขวัญที่เกิดขึ้นในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในภาคกลาง ที่สร้างมานานหลายปี เรื่องทุกเรื่องเป็นเรื่องเล่าที่มีคนประสบมาหรือได้ยินมา ไปดูกันเลยครับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือสถานที่ที่มีอยู่จริงแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน
1.วิญญานสัตว์
อาคารไม้แห่งหนึ่งเป็นอาคารที่เก่าแก่และสร้างมานานแล้ว มีทั้งหมด 3 ชั้น ตั้งอยู่ในด้านหลังของโรงเรียนติดกับโรงอาหาร อาคารแห่งนี้มีเรื่องเล่าที่น่าขนลุกว่า ในตอนเย็นหลังเลิกเรียน อาคารแห่งนี้จะไม่ค่อยมีคนอยู่ในตอนเย็นเนื่องจากไม่ค่อยมีห้องพักครูหรืออะไรเท่าไร ส่วนมากอาคารนี้จะปิดทางขึ้นช้ากว่าอาคารอื่น ด้วยความที่อาคารแห่งนี้เป็นอาคารไม้และไม่มีระเบียง เป็นเพียงแค่กำแพงที่มีหน้าต่าง หลังจากที่ปิดหน้าต่างทุกบานแล้ว อาคารแห่งนี้ก็จะมืดสนิท ห้องเรียนภายในอาคารแห่งนี้ไม่มีประตูทางเข้า จะเป็นห้องที่มีเพียงกำแพงสั้นๆกั้นตรงกลางและกั้นระหว่างห้องเท่านั้น และที่สำคัญหลอดไฟของอาคารนี้ใช้การได้ไม่กี่ดวงเท่านั้น ฉะนั้นการที่จะขึ้นมาหยิบกระเป๋าที่อาคารนี้ในตอนเย็นเพียงคนเดียวเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากทำแน่นอน
'เจมส์' เด็กนักเรียน ม.3 ทำเวรอยู่จนถึงเวลาประมาณ 4 โมงครึ่ง ซึ่งยังมีผู้คนพลุกพล่านอยู่ในโรงเรียน เจมส์มองดูนาฬิกาและเดินไปเก็ยไม้กวาดจากนั้นก็เดินลงอาคารและไปที่หน้าโรงเรียนเพื่อซ้อมกีฬา เนื่องจากไกล้วันกีฬาสีแล้ว เจมส์ซ้อมจนถึงเวลาประมาณ 5 โมงครึ่งจึงขออนุญาติไปหยิบกระเป๋า เนื่องจากนึกขึ้นได้ว่าลืมนำลงมาด้วย ในเวลาตอนนั้นก็ยังถือว่ามีผู้คนอยู่ในโรงเรียนอยู่ส่วนหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกนักกีฬาที่ซ้อมกันปกติ แต่อาคารแห่งนี้เนื่องจากไม่ค่อยมีคนเท่าไรนักอาคารแห่งนี้จึงไม่มีเสียงคนคุยกันเลยนอกจากโรงอาหารที่จะเล็ดลอดเข้ามาบ้าง เจมส์เดินขึ้นบันไดชั้น 2 หน้าต่างทุกบานถูกปิดหมด เนื่องจากเป็นช่วงหน้าหนาวทำให้ค่อนข้างมืดเร็ว เจมส์รีบเดินไปที่ชั้น 3 และควานมือหาสวิสต์ไฟ เจมส์เปิดสวิสต์ทุกตัว ไฟในชั้นนั้นสว่างเพียง 2 ตัว นั่นคือหน้าห้องของเจมส์เท่านั้น ด้วยความที่อาคารแห่งนี้มืดมากและไม่มีเสียงใดๆนอกจากเสียงฝีเท้าของเจมส์ที่เดินเหยียบลงบนแผ่นไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดน่ารำคาญ ห้องของเจมส์อยู่สุดทางเดินที่มีประตูบานใหญ่อยู่ข้างๆ เจมส์รีบเดินเข้าห้องและหยิบกระเป๋าออกมา เจมส์มองมาที่บันไดทางลง มันมืดมากแต่เจมส์ก็ต้องเดินไป เวลาตอนนั้นเนื่องจากเจมส์แวะที่อื่นๆมาทำให้เวลาล่วงเลยจนถึง 6 โมงกว่าแล้ว และเป็นเวลาที่ภารโรงจะต้องมาปิดอาคาร เจมส์รีบเดินไปจนกระทั่งถึงหัวมุมบันได
แมวสีดำกระโดดตัดหน้าเจมส์ไป เจมส์ผงะชั่วครู่และตกใจมาก เนื่องจากอาคารแห่งนี้ไม่มีแมวเลยสักตัว แล้วเจ้าแมวตัวนนี้โผล่มาจากไหนกันแน่? เจมส์หันไปตามทางที่แมวกระโดด แมวนัยส์ตาสีเหลืองตัวนั้นกำลังมองมาที่เจมส์อย่างไม่ละสายตา ด้วยความที่เจมส์เป็นคนที่ชอบเล่นกับสัตว์ เจมส์จึงเดินไปเพื่อที่จะลูบหัวแมว ทันใดนั้นแมวตัวนั้นก็วิ่งทะลุกำแพงไปอย่างรวดเร็ว เจมส์ตกใจสุดขีดและรีบวิ่งลงบันไดโดยที่ยังไม่ได้ปิดไฟ เสียงแมวร้องไล่หลังตามมาอย่างน่ากลัว ถึงจะมืดแต่เจมส์ก็สามารถวิ่งลงมาข้างล่างได้อย่างปลอดภัย...
2.ผู้หญิงชุดขาว
อาคารไม้หลังเก่า มีทั้งหมด 4 ชั้น อาคารนี้มีห้องพักครูอยู่เยอะ จึงไม่ค่อยมีอะไรที่ต้องน่าเป็นห่วงนอกจากครู ซึ่งครูที่อยู่ส่วนใหญ่จะเป็นครูภาษาต่างประเทศซึ่งจะนั่งทำงานจนเย็น อาคารนี้จึงปิดช้ามาก แต่ส่วนใหญ่แล้วอาคารนี้จะเปิดเร็วกว่าอาคารอื่นๆเสมอ อาคารนี้เชื่อมต่อกับโรงยิมอยู่ชั้น 3 สามารถเดินผ่านโดยทางเชื่อมระหว่างอาคารได้ โรงยิมนั้นจะเปิดตลอดเวลา เนื่องจากจะมีห้องพักสำหรับ วงโย และนักกีฬา ที่มากันเช้าๆ หรือกลับบ้านดึกนั่นเอง
'ริว' เด็กนักเรียนชั่น ม.1 เป็นคนที่มักจะมาเช้ามาก ในช่วงฤดูหนาวนี้ตอนเช้าๆค่อนข้างเย็นและมืดมาก อาคารไม้ ยังไม่เปิด แต่อาคารโรงยิมและทางเชื่อมอาคารยังสามารถไปได้ ริวจึงได้ใช้ทางนั้นเพื่อขึ้นห้องเรียนก่อนประจำ อาคารไม้ เหมือนอาคารไม้อีกหลัง ตรงที่ไม่มีระเบียงทางเดิน เป็นเพียงกำแพงกั้นและหน้าต่างปิดหมดทุกบาน อาคารไม้ ประตูห้องจะปิดหมดทุกห้อง ห้องพักครูก็ยังไม่มีใครมาในตอนเช้า ริวเดินขึ้นอาคารโรงยิม และตรงไปที่ชั้น 3 ซึ่งทั้ง 2 ชั้นที่ผ่านมาจะมีไฟสว่าง แต่พอชั้น 3 ที่เป็นโรงยิม ซึ่งไม่มีใครมานั้นมืดสนิท และทางเชื่อมระหว่างอาคารที่มืดมากถ้าไม่ระวังอาจเดนสะดุดล้มได้ อาคารไม้ ในวันนั้นเงียบมาก เหมือนภารโรงจะยังไม่มาเพื่อทำการเปิดห้อง ริวจึงรู้ตัวว่าตนเองมาเช้าเกินไปแล้ว ริวคิดจะลงไปข้างล่างแต่กลัวโดนภารโรงจับได้ จึงเดินต่อไป ถึงตรงทางเข้าอาคารไม้ ริวก็หยุดชะงัก
ผู้หญิงใส่ชุดขาวผมยาวยืนอยู่ที่หน้าบันไดทางขึ้นชั้น 4 ริวตกใจมากและก้าวขาไม่ออก ได้แต่พยายามรวบรวมสติเพื่อก้าวขาให้ลงไปจากอาคารนี้ อาคารนี้มีห้องพระอยู่ชั้น 4 ซึ่งถ้าธูปยังไม่ดับก็จะมีกลิ่นลอยออกมาตามช่องหน้าต่าง ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้ามามองริว ใบหน้าของเธอขาวซีด ดวงตาสีขาวโพลน จ้องมองมาที่ริว และพูดขึ้นว่า "จะข้ามไปไหม"
ริวตั้งสติได้และรีบวิ่งลงมาข้างล่าง คนอื่นๆที่อยู่ชั้น 2 ต่างแตกตื่นเนื่องจากเสียงที่ดังมากของริว ริวเล่าเรื่องให้รุ่นพี่วงโยฟัง ทำให้เรื่องนี้ถูกเล่าต่อๆกันไปต่างๆนาๆ ถึงริวจะมาเช้าแค่ไหนแต่นับจากนี้ต่อไปเขาจะไม่ยอมขึ้นตึกก่อนสว่างแน่นอน
3.กระดาษสีแดง อาคารห้องสมุด
อาคารห้องสมุดเป็นอาคารที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของโรงเรียนซึ่งถูกล้อมโดย อาคาร 4 และห้องพยาบาล ทางเข้าไปยังอาคารห้องสมุดนั้นแคบ มีทางเดินปกติอยู่ 2 ทาง คือทางด้านหลังห้องพยาบาลซึ่งติดกับอาคารไม้อีกหลัง และทางหน้าห้องพยาบาลที่ติดกับอาคารไม้ และอีกทางที่เป็นด้านหลังของโรงเรียน ซึ่งเป็นที่เก็บอุปกรณ์ต่างๆเกี่ยวกับไม้ เวลามีงานอะไรทางด้านหลังนี้จะเป็นที่ทำอุปกรณ์ต่างๆ อาคารไม้นั้นเป็นอาคารที่มีห้องสมุดและมีมีทางเชื่อมกับอาคารไม้อาคารนี้จะเปิดช้ากว่าอาคารอื่น และปิดเร็วกว่าอาคารอื่น ดังนั้นในตอนเช้าและตอนเย็นอาคารแห่งนี้จึงไม่ค่อยมีคน แต่ด้วยความที่อาคารแห่งนี้เป็นอาคารที่อยู่มุมสุดของโรงเรียนทำให้ตอนเย็นๆตรงหน้าอาคารก็จะมีคนมานั่งเล่นกันเป็นประจำ แถมมีที่นั่งและต้นไม้ที่ร่มรื่น หน้าอาคารห้องสมุดจึงเป็นที่ที่เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือ ทานข้าว แถมมีห้องน้ำหญิงข้างล่างอาคารด้วย อาคารแห่งนี้จึงไม่น่ามีเรื่องอะไรที่น่าเป็นห่วง
'ฟลุค' เด็กนักเรียนชั้น ม.2 เป็นคนที่กลับบ้านเย็นเนื่องจากต้องซ้อมกีฬา เขาซ้อมกีฬาจนถึง 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่ยังมีคนอยู่ในโรงเรียนอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่อาคารห้องสมุดซึ่งไม่มีใครอยู่เลย ฟลุครีบวิ่งไปที่อาคารห้องสมุดเพื่อไปเอาเสื้อผ้าที่ลืมเอาไว้ ถึงจะปิดเร็วแต่อาคารทุกอาคารก็จะปิดหลัง 5 โมงเสมอ ฟลุคเห็นว่าอาคารยังเปิดอยู่ก็โล่งอก และเดินขึ้นอาคารไปจนถึงชั้น 3 ซึ่งเงียบมากไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย อาคารนี้เป็นอาคารปูนมีระเบียงทางเดินจึงทำให้สว่างและมีลมเย็น ห้องทุกห้องยังคงเปิดไว้อยู่เพราะภารโรงยังไม่ได้ขึ้นมาปิด ฟลุคเดินต่อไปที่ชั้น 4 และเดินเข้าไปในห้องเพื่อหยิบเสื้อผ้าและจะลงไปซ้อมกีฬาต่อ ฟลุคสังเกตเห็นกระดาษสีแดงที่ตกอยู่หน้าห้องเก็บของตรงข้ามห้องของฟลุค ฟลุคก็ไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งมันปลิวมาตกตรงข้างหน้า และมีข้อความเขียนอยู่ ฟลุคจึงหยิบมาอ่าน
"ด.ช....." กระดาษนั้นเขียนชื่อฟลุคไว้ด้วยหมึกสีดำ ฟลุคมองสักพักและก็งงมากว่าทำไมจึงมีชื่อตนเองไปปรากฏบนกระดาษ จึงคิดว่าเพื่อนคงแกล้งเขียนเอาไว้และทิ้งเอาไว้แถวนี้ ฟลุคไม่ได้สนใจอะไรจึงนำไปทิ้งที่ถังขยะในห้องและเดินลงบันไดไป พอถึงชั้น 3 ฟลุคเห็นกระดาษสีแดงตกอยู่ตรงบันได จึงคิดว่าคงมีการแกล้งกันอีก พอดูข้อความในกระดาษนั้นก็ยังเป็นชื่อฟลุคอยู่ดี แต่ฟลุคก็ไม่ได้คิดไรมาก คงเป็นเพียงการแกล้งกันธรรมดา เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองถามเพื่อนดู ฟลุคเดินต่อไป
ทันใดนั้นนกกระจอกตัวหนึ่งก็ตกลงมาตรงหน้าฟลุค เลือดของนกกระจายไปทั่วพื้น ฟลุครู้สึกตกใจมากเพราะสิ่งนั้นเกิดต่อหน้าต่อตา ฟลุครีบเดินลงบันไดไปจนถึงชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้นของห้องสมุด แต่ก็พบกับกระดาษสีแดงวางอยู่บนพื้นมากมาย ฟลุครู้สึกว่าการแกล้งแบบนี้นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้วยังทำให้เกิดขยะในโรงเรียนอีกด้วย ฟลุครีบตามเก็ยกระดาษสีแดงที่มีชื่อตนเองที่กองตามพื้นออกเพื่อไม่ให้เป็นเรื่องใหญ่ จู่ๆก็มีนกกระจอกนับสิบตัวตกลงมาจากเพดานตรงหน้าฟลุค เลือดกระจายไปทั่วพื้นส่งกลิ่นคาวออกมา ฟลุคตกใจและกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้นมาก ฟลุคทิ้งกระดาษทั้งหมดลงพื้นและวิ่งลงจากอาคารอย่างเร็วที่สุดเพื่อไปให้พ้นจากซากศพของนกพวกนี้ ฟลุคนำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง และพามาดูสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทั้งอาคารนั้นไม่มีใครพบซากศพของนกหรือกองกระดาษสีแดงเลยแม้แต่แผ่นเดียว
4.อาจารย์ห้องดนตรีไทย
ห้องดนตรีไทยใครๆก็คงรู้ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะการเล่นดนตรีได้นั้นต้องมีครู และครูดนตรีไทยก็ล้วนเป็นผู้ที่น่าเคารพนับถือ จึงไม่มีใครคิดที่จะลบหลู่หรือดูหมิ่น ห้องนี้ก็จะมีอาจารย์ที่เป็นอาจารย์ประจำที่ทำหน้าที่ดูแลห้องนี้ อาจารย์ท่านได้ฝึกลูกศิษย์มาหลายรุ่นแล้ว ท่านมักจะบอกว่าห้องแห่งนี้น่ากลัวยิ่งนัก ถ้าใครที่ลบหลู่หรือดูหมิ่นเครื่องดนตรีไทยก็จะต้องเจอดีกันทุกคน
'ธี' เด็กนักเรียนชั้น ม.2 เขาจะมาเช้าทุกวันและห้องของเขาก็ผ่านห้องดนตรีไทย ห้องดนตรีไทยตั้งอยู่ตรงอาคารไม้ ชั้น 1 ซึ่งธีก็ไม่ได้อยากผ่านห้องนี้เท่าไร และด้วยความที่ธีมาเช้านั่นเอง ในวันนั้นธีเห็นผู้หญิงสูงวัยยืนอยู่หน้าห้องดนตรีไทยและมองมาที่ธี แต่ทีก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะอาจจะเป็นอาจารย์ที่มาใหม่ก็ได้แต่ทันใดนั้น อาจารย์คนนั้นหันหลังเข้าห้องดนตรีไทยและหายไปทันที ซึ่งธีตกใจมากและนับแต่นั้นธีก็ไม่กล้าที่จะมองห้องดนตรีไทยในตอนมืดๆอีกเลย
6.มือประหลาด
อาคารหน้าโรงเรียนเป็นอาคารแรกที่ถูกสร้างในโรงเรียนนี้ และได้รับการปรับปรุงหลายครั้งด้วยกัน และตอนนี้อาคารแห่งนี้ก็มีลิฟต์แล้ว อาคารนี้มี 6 ชั้น เป็นอาคารปูนมีระเบียง มีห้องเรียนและห้องหมวดมากมาย แต่อาคารแห่งนี้น่ากลัวกว่าอาคารอื่นหลายเท่านัก เรื่องมีอยู่ว่าอาคารแห่งนี้ที่ได้มีลิฟต์ตัวแรกนั้นผู้ที่ใช้จะเป็นครู เพราะครูหลายท่านก็เดินขึ้นมาสอนนักเรียนไม่ไหว อาคารแห่งนี้มีเรื่องเล่ามายาวนานถึงความน่ากลัว และถ้าไปทีั้ชั้น 6 ซึ่งยังคงมีบันไดต่อไปแต่ถูกปิดเอาไว้และถ้ามองขึ้นไปที่บันได้จะพบกับทางเชื่อมไปยังดาดฟ้า
'กาย' เด็กนักเรียนชั้น ม.3 เป็นลูกเสือ ต้อนนอนค้างที่โรงเรียนเพื่อทำกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นคือการเข้าค่ายลูกเสือ กายต้องนอนที่อาคารนี้เพราะมีห้องสำหรับลูกเสืออยู่ วันนั้นในตอนประมาณ 1 ทุ่ม ด้วยความที่เป็นคนซุกซนจึงได้เล่นกับเพื่อนๆที่ชั้น 6 และพบเงาบางอย่างอยู่ด้านบน ด้วยความกลัวและตอนนั้นก็ไม่ค่อยมีไฟด้วย กายกับเพื่อนจึงลงไปข้างล่าง และนำเรื่องนี้ไปบอกเพื่อน เพื่อนๆก็สนใจและพากันมาดู กายกับเพื่อนอีก 3 คนได้มาที่ชั้น 6 และมองไปยังเงานั้น ด้วยความกลัว เพื่อนของกายจึงชวนลงไปข้างล่าง ทันใดนั้นกายสังเกตุเห็นมือที่มีขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากความมืด และเคาะที่ราวบันไดเสียงดัง เพื่อนของกายและกายก็วิ่งลงไปข้างล่างทันทีอย่างไม่คิดชีวิต แต่พอกายลงมาข้างล่างก็พบเพื่อนนั่งรออยู่ และบอกว่ากายวิ่งลงมาคนเดียว งั้นคนที่วิ่งลงมากับกายคือใครล่ะ!!