วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บทที่ 2

cha.2

eye past
ตอนนี้ฉันเดินออกมาจากห้องของสารวัตรแล้ว ฉันเดินออกมาด้วยความสงสัยเรื่อง จำนวนนักเรียนของห้อง 3/3 คิดอย่างไรฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี 
ทำไมจากนักเรียนที่มี 48 คน อยู่ๆถึงเหลือเพียง 47 คนได้ ฉันถอนหายใจพรางทบทวนเรื่องในหัวไปด้วย ก่อนที่เท้าของฉันจะหยุดที่หน้าห้อง "สอบสวนคดีหมายเลข 445 " 
ฉันไม่รู้ว่าอะไรทำให้ฉันมาที่นี่ เท้าของฉันออกแรงเดินมาอย่างเรื่อยเปื่อย สมองของฉันคิดไปเรื่อยอย่างเหม่อลอย พอรู้ตัวอีกทีเท้าก็พาฉันเดินมาหยุดหน้าห้องนี้เสียแล้ว คงจะเป็นโชคชะตาหรือมีอะไรดลใจฉันให้มาที่นี่ล่ะมั้ง ฉันยิ้มมุมปากก่อนที่จะจับลูกบิดประตูเพื่อเข้าไปในห้อง แต่ก่อนที่ฉันจะได้หมุนลูกบิดประตู ฉันก็ต้องชะงักและยืนตัวแข็ง เพราะ
ฉันได้ยินเสียงของคนคุยกัน จากน้ำเสียงที่ฉันฟัง ฉันเดาได้ว่าเจ้าของน้ำเสียงทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างกลัวหรือหวาดระแวงอะไรสักอย่าง จากที่ฉันฟัง ฉันสามารถจับคำพูดบางอย่างได้
"ฉันคิดว่าทุกคนคงจะคิด ฮึก คิด ฮึก....ฮือ ว่าเราบ้าาาา ! ถ้าเราบอกเรื่องสิ่งนั้นกับเอ่อ.... ฮึก พวกเขาไป  " 

ใช่ ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงนักเรียนของฉันกำลังปรึกษาหรือพูดคุยอะไรกันสักอย่าง จากความคิดที่ฉันจะก้าวเดินเข้าไป ฉันก็จ้องชะงักและเงียบฟังนักเรียนของฉันคุยกัน เพราะจากที่ฉันพึ่งคุยกับสารวัตรไป เขาบอกว่าให้ตำรวจหรือนักจิตวิทยาทั้งหมดของที่นี่เข้าไปคุยกับนักเรียนของฉันแล้ว แต่ไม่มีนักเรียนคนไหนเลยใน 8 คน ยอมพูดหรือรับอาหารกับน้ำจากใครเลย หรือว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเป็นห่วงนักเรียนของฉัน กลัวจะหิวตายหรือเป็นโรคเก็บตัวทำให้ฉันเดินเหม่อลอยมาถึงที่นี่ แต่ว่าในตอนนี้สำหรับฉันมันคงจะไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญกว่าเรื่องที่นักเรียนในห้องกำลังคุยกัน
" แต่เราจะไม่ ฮึก ทำอะไรให้เพื่อน ฮึก ของเราเลยหรอ " ก่อนที่ฉันจะทันคิดอะไรไปอีก น้ำเสียงสะอื้นที่ฟังดูน่าขนลุกและนุ่มนวลปนกันขัดฉันขึ้นให้ฉันกลับเข้ามาในโลกแห่งความจริง
" นาย... มัน ฮึก เห็นแก่ตัว !!!"
" แล้วเธอคิดว่าเธอทำอะไร.....มันได้หรอไง ! "
" เราแค่กลับไปที่ห้องและผลึกมันลงไปแค่นั้นเอง ! อย่าลืมสิว่าเขาฆ่ามันแล้ว "
" ไม่ได้ยินที่เธอพูดก่อนจะจากเราไปหน้าร.ร.หรอ เธอที่รู้ทุกอย่าง เธอที่รู้ทุกสิ่ง เธอที่เคยเป็นเพื่อนเรา " น้ำเสียงที่เคยหนักแน่นของเด็กหนุ่มพูดออกมาด้วยความมั่นใจกลับอ่อนลง ด้วยคำที่เขาพูดว่า " เธอ "
" เธอพูดว่ามันจะไม่จบถ้าลอยผนึกยังอยู่่ " ....
" ฮืออออออ ทำไมๆๆ ทำไมเรื่องพวกนี้ ต้องเกิดกับพวกเราด้วย พระเจ้ายังเห็นใจเราอยู่ไหม ทั้งๆที่เรากำลังจะมีอนาคตใหม่แล้วทำไม ?" เสียงร้องไห้ดังมาจากนักเรียนหญิงตัวเล็กคนนึง
" นั่นสิเนอะทั้ง ๆ ที่วันนี้เราน่าจะไปร.ร.ด้วยกัน นั่งคุยกัน นั่งกินข้าวด้วยกัน เดินไปงานรับใบจบการศึกษาด้วยกัน " 
นักเรียนคนหนึ่งพูดขณะที่หันหน้าไปทางหน้าต่าง มองท้องฟ้าที่กว้างขว้างด้านนอก

พอนักเรียนในห้องคุยกันถึงตรงนี้ อยู่ดี ๆ ห้องก็เงียบลง ต่างคนต่างกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ไม่พูดคุยกับใคร แต่คำพูดของเด็กคนล่าสุดนั้นทำให้ฉันฉุดคิดขึ้นได้ เหตุการณ์ฆาตกรรมนี้เกิดขึ้นเมื่อวาน ซึ่งเป็นวันก่อนจบการศึกษาของนักเรียนชั้นม.3 คิดแล้วน่าใจหายน่าดู งานในร.ร.ที่ต้องจัดวันนี้ถูกเลื่อนไปอีกเหมือนกันเพราะเกิดเหตุการ์ณนี้ขึ้น แต่ฉันคงไม่โทษเด็กนักเรียนพวกนี้หรอก เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่ฉันคิดว่าประโยคที่เด็ก ๆ คุยกัน มันออกจะเพ้อฝันเกินไป พูดถึงผลึกอะไรกันก็ไม่รู้ แต่คงจะเป็นผลข้างเคียงจากเหตุการณ์เมื่อวานก็ได้ ฉันเลยไม่พุ่งความสนใจไปที่ประเด็นนั้น แต่เด็กพวกนั้นพูดถึงใคร  "เธอ" เป็นชื่อเรียกของใครกันนะ แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่เรียกชื่ออกมาโดยตรง ทำไมต้องใช้สรรพนามแฝงด้วย มันเพิ่มความสงสัยที่มีอยู่ในตัวฉันมากขึ้น
" อ้าว ! คุณอาย มาทำอะไรตรงนี้ครับ " ฉันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะหันหน้าไปเผชิญกับบุคคลปริษณาด้านหลังของฉัน
ฉันถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าคือสารวัตรที่รับผิดชอบคดี
"ฉันเป็นห่วงนักเรียนของฉันน่ะค่ะเลยอยากมาเยี่ยมพวกเขาสักหน่อย " ฉันยิ้มตอบเขาไป
"อ่อ เชิญ ๆ ครับ ผมกำลังจะเอาอาหารไปให้พวกเขาพอดีเลย " สารวัตรพูดพรางเปิดประตูเข้าไป
ตอนนี้เป็นตอนที่ฉันได้เห็นสภาพและหน้าตาของเด็ก ๆ อย่างชัดเจน พวกเขาดูแตกต่างจากเวลาอยู่ที่ร.ร.อย่างสิ้นเชิง หน้าตาผอมซีด มือไม้มีรอยบาดแผลอยู่เต็มตัว บางคนมีรอยผ้าพันแผลอยู่เต็มตัว เสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ย บางคนมีรอยบาดคล้ายแผลเป็นซึ่งเป็นตัวอักษร แต่ฉันมองไม่ชัด เพราะว่าแผลมันเริ่มจางลงแล้ว สภาพของพวกเขาดูแก่เกินไปที่จะเป็นนักเรียนชั้นม.3 พวกเขาเหมือนผู้ใหญ่อายุสักประมาณ 25 - 30 ปี แล้วถูกไล่ล่ามากซะมากกว่า 

สารวัตรวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะด้านข้างและเดินมาหาฉันพร้อมพูดกับฉันว่า
"เชิญคุณคุยกับนักเรียนตามสบาย ทางที่ดีให้เขากินข้าวด้วยนะครับ "
จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปเลย ฉันหันมาให้ความสนใจแก่เด็กนักเรียน ฉันพยายามชวนทุกคนคุยและกินข้าวแต่ก็มีนักเรียนบางคนเท่านั้นที่ยอมตอบ และคนที่ตอบก็แค่ตอบว่า ค่ะ/ครับผอ. 

ฉันเหลือบไปเห็นกล่องปฐมพยาบาลอยู่ด้านข้าง ฉันจึงปลงที่จะชวนพวกเขาคุยเลยนำกล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้พวกเขาแทน ฉันทำแผลให้พวกเขาทีละคนจนมาถึงนักเรียนคนสุดท้ายที่ดูเหมือนเธอจะเหม่อลอยตลอดเวลา ดวงตาของเธอเป็นสีดำหม่นปนเทา ดวงตาของเธอไม่สะท้อนภาพอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่าที่ส่งผ่านมาทางความรู้สึก 

ฉันเหลือบมองไปที่ป้ายชื่อของนักเรียนคนนี้ แต่มันกลับมีเพียงแค่รอยคราบเลือดและรอยเหมือนโดนอะไรขีดเป็นแนวเส้นตรงหลายขีด ในวินาทีต่อมาฉันนำผ้าชุบน้ำไปทาที่หน้าของเด็กสาวคนนี้ เพื่อล้างคราบเลือดและคราบความสกปรกของสิ่งต่าง ๆ ออก พอฉันล้างหน้าของเด็กสาวเสร็จ ก็มีสิ่งที่สร้างความตกใจให้อย่างมากคือ ใบหน้าของเธอมีรอยเหมือนโดนอะไรกรีดเป็นทางยาวด้านแก้มซ้าย ฉันพยายามจะถามเธอว่ารอยแผลนี้ไปได้มากจากไหนแต่เธอก็ตอบฉันกลับมาเพียงแค่คำว่า "หึ" แล้วในวินาทีต่อมาฉันก็รู้ได้เลยว่าเธอคงจะรำคาญฉันแล้วเพราะฉันไม่เลิกถามเธอสักที 

เธอลุกขึ้นแล้วใช้ดวงตาที่สะท้อนความว่างเปล่ามองมาที่ฉันแล้วพูดว่า
"หึ หุบปากของเธอซะเถอะ " 
แล้วเธอก็รีบเดินออกจากห้องไป ฉันช๊อคมากกับการที่เธอทำกิริยาแบบนี้กับฉัน แต่ฉันก็ยังเป็นห่วงเธออยู่ดี ฉันรีบจัดแจ้งบอกทุกคนที่เหลือในห้องให้ทานอาหารและน้ำจากนั้นก็รีบวิ่งตามเธอไป พออกมาฉันมองไม่เห็นเธอเลย ฉันจึงพยายามหาเธอทุกทีตั้งแต่ด้านหน้าสถานีตำรวจถึงตึกต่างๆ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ตึกชั้นบนสุด ฉันเริ่มท้อกับการตามหาเธอแต่ทันใดนั้นฉันก็หันไปเห็นเธอนั่งอยู่ที่ด้านหลังของสถานีบนโต๊ะม้าหินอ่อน 

ฉันรีบวิ่งไปกดลิฟต์และไปหาเธอทันทีเพราะกลัวว่าเธอจะหนีจากฉันไปเสียก่อน พอไปถึงที่ฉันก็พยายามเดินเข้าไปหาเธอด้วยรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดและถามเธอว่า
"เป็นไงบ้างไหม ? วิ่งออกมาแบบนี้ไม่ดีนะจ้า "
เธอหันมามองฉันแวบหนึ่งแล้วหันหน้ากลับไปพร้อมกับคำว่า "หึ" 
ถึงตอนนี้ฉันคิดได้แล้วว่านักเรียนหญิงของฉันคนนี้ควรจะแต่งงานกับคำว่า"หึ"
ได้แล้ว แต่ฉันไม่อยากเถียงเธอเท่าไหร่ ฉันก็เลยตอบไปว่า
"จะบอกครูได้หรือยัง? ว่าเกิดอะไรขึ้น ครูเป็นห่วงเธอทุกคนนะ "
" หึ" 
-*- เธอตอบกลับมาด้วยคำๆเดิมประจำตัวของเธออีกครั้ง  ฉันถอนหายใจผ่านมองไปในท้องฟ้า ความไม่สิ้นสุดของท้องฟ้านี่ดีจังเลยเนอะ
" เธอคิดว่าเราจะช่วยพวกเขาได้ไหม? " 
ฉันตกใจมากที่อยู่ๆเธอก็พูดประโยคที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากเธอนอกจากคำว่า " หึ" แต่ถึงอย่างไรฉันก็ไม่รู้จะตอบอะไร ฉันจึงเงียบไว้ดีกว่า แล้วเธอก็เริ่มพูดประโยคถัดไปแต่ไม่ได้มองหน้ามาทางฉันเหมือนเธอพูดคนเดียว
" เธออยากรู้เรื่องราวของพวกฉันจริงๆหรอ เธอไม่อยากรู้หรอก " 
ฉันรู้สึกสบายใจมากขึ้นที่เด็กสาวเริ่มพูดกับฉันอย่างใจเย็นมากขึ้นถึงแม้จะไม่เรียกฉันว่าคุณครูหรือผอ.ก็ตาม ฉันตอบเขาไปว่า
" ครูอยากรู้สิ มากๆด้วย ครูไม่ได้อยากรู้เพราะต้องการจับเธอเข้าคุกหรือเพื่อโรงเรียนแต่ครูอยากรู้เพราะครูจะช่วยพวกเธอ " 
พอฉันพูดจบ เด็กสาวก็หันหน้ามาทางฉันแต่เธอไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าว่ากำลังรู้สึกอะไรมีแต่ดวงตาที่สะท้อนความว่างเปล่าของเธอ
" หึ ถ้าอยากรู้มากขนาดนั้น..... กรีนก็จะเล่าให้เธอฟัง " 
ฉันดีใจแล้วก็ตกใจมากๆที่อยู่เด็กสาวก็จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฉันฟัง มันง่ายขนาดนั้นเลยหรอที่อยู่ดีๆเธอจะมาเล่าให้ฉันฟังง่ายขนาดนี้ทั้งทีทั้งวันฉันพยายามขอร้องให้เธอและเพื่อนของเธอเล่าเรื่องให้ฉันฟังแต่กลับได้มาแค่คำว่างเปล่า แต่ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ฉันจะรับรู้เรื่องราวทั้งหมด แต่คำว่ากรีนที่เธอใช้เรียกตัวเองนี้คนเป็นชื่อของเด็กสาวตัวเล็กข้างหน้าฉันสินะ ฉันคลี่ยิ้มบางๆและเขยิบไปใกล้เธอยิ่งขึ้น
" ฉันพร้อมรับรู้เรื่องราวของเธอและก็เพื่อนๆของเธอแล้วหร่ะ กรีน " !!!!

ปลอย"ฟิค"แจ้ ลองอ่านกันดู

อ่านแล้วคอมเม้นด้วยว่าเป็นยังไงอยากรู้
ฟิคนี้เป็นแนว หนอนๆ เอ้ย หมอนๆ เอ้ย หลอนๆ
เกี่ยวกับการตายอย่างปริศนาของนักเรียนกลุ่มหนึ่ง

บทที่ 1

"มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง??????" เสียงของหนุ่มใหญ่ที่บ่งบอกถึงความโกรธเกรี้ยวของเขาทะลุผ่านเสียงที่เปล่งออกมาได้อย่างชัดเจน
"ฉันขอโทษค่ะ ฉัน.. ฉันจะรีบไปจัดการเรื่องนี้นะค่ะท่านผอ.ใหญ่" เสียงหวานของหญิงสาวที่ฟังดูแล้วรับรู้ถึงความหวาดกลัวที่ปิดไม่มิดในน้ำเสียงของเธอ
"ดีมาก อย่าให้ฉันรู้นะว่าเรื่องนี้เผยแพร่ไปที่ไหน ไม่งั้นโรงเรียนเสียชื่อเสียแน่ ถ้ามีหลุดแค่นิดเดียว ฉันเอาเธอตายแน่ อาย!"
"ค่ะ ค่ะ รับทราบค่ะท่านอธิบการบดี ฉันจะรีบจัดการ"
"เอ้อ แล้ว....." ขอขัดจังหวะนะครับ!!!!!!
ตำรวจหนุ่มกล่าว "ขอเชิญคุณอาย ไปให้ปากคำที่ห้องสอบสวนด้วยครับ"
"หึ่ยยย!!" เสียงผอ.ใหญ่กล่าวแสดงถึงความไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ
"ตกลงค่ะ" อายกล่าว
"งั้นเชิญตามผมมาเลยครับ"
.
.
.
.
.
ณ ห้องสอบสวน [eye part]
"เชิญคุยกับสารวัตรเลยครับ ตอบคำถามไม่ต้องเกร็งนะครับ" ตำรวจหนุ่มกล่าวกองจะเดินออกไปทิ้งให้ฉันนั่งรอสารวัตรอยู่คนเดียว
"เห้ออออออ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับเราด้วยนะ " ฉันพูดพรางนึกถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่น่าเกิดกับโรงเรียนมัธยมศึกษา แต่มันก็เป็นไปแล้วแถมนักเรียนที่เสียชีวิตก็มีแต่นักเรียนม.3 ด้วย อายุยังน้อยไม่น่ามาเจอเหตุแบบนี้เลย ฉันนั่งคิดพรางทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานในหัว แล้วก็นั่งเปิดแฟ้มประวัตินักเรียนที่ฉันเตรียมมาเพื่อให้สารวัตรเผื่อใช่เป็นข้อมูลอะไรได้บ้าง ทำให้ไม่รู้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่
"คุณอายครับ"
"........"
"คุณอายครับ"
"........."
"คุณอายครับบบบ!!!!!!!!"
"อ๋อค่ะ!!!!" ฉันตกใจที่อยู่ดีๆก็มีคนเรียกฉัน แต่เมื่อหันไปก็เป็นสารวัตรทำให้อุ่นใจมากขึ้น
"เชิญนั่งเลยครับ" สารวัตรกล่าว
"ขอบคุณค่ะ" ฉันกำชับเอกสารในมือแน่นและนั่งลงรามที่สารวัตรบอก
"คือผมต้องการทราบข้อมูลผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตทั้งหมดครับ คุณพอจะช่วยผมได้ไหม"
"ค่ะ ฉันเตรียมแฟ้มประวัตินักเรียนและเอกสารบางอันที่น่าจะมีข้อมูลอะไรที่น่าจะพอสืบคดีได้บ้างมาให้แล้วค่ะ"
"รอบคอบจังเลยนะครับ สมกับเป็นผอ.เลยครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
ฉันรู้สึกผูกพันธ์กับเด็กห้อง 3/3 อย่างบอกไม่ถูกนั่นอาจเป็นสาเหตุก็ได้ว่าทำไมฉันถึงต้องมานั่งอยู่ที่นี่ในเวลานี้ เด็ก 48 นั่นถือเป็นความทรงจำที่ดีมากๆของฉันตั้งแต่ตอนฉันย้ายเข้ามาบรรจุใหม่ๆ เฝ้ามองพวกเขาเติบโตขึ้นไปทุกปีแต่ตอนนี้คงไม่มีอีกแล้ว
ปึงงงงง~!!! สารวัตรวางแฟ้มอย่างแรงจนฉันต้องชะโงกหน้าไปมองวาดเกิดอะไรขึ้น
ปรากฎว่าเขาทำแฟ้มเอกสารของฉันตก ฉันจึงลุกขึ้นไปช่วยเขาเก็บ

"ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/3 จำนวน 47 คน"

เมื่อฉันเห็นกระดาษแผ่นนึงเขียนถึงจำนวนนักเรียนของห้องนี้ มันสร้างความตกใจให้ฉันเป็นอย่างมาก เพราะ เท่าที่ฉันจำได้ถ้าหากจำไม่ผิด แต่ห้องๆนี้ห้องที่ฉันเฝ้ามองมาตลอด ฉันมั่นใจว่านักเรียนห้องนี้มีจำนวน 48 คน แล้ว แล้วทำไม ทำไม....ทำไมอยู่ดีๆนักเรียนห้องนี้กลายเป็น 47 คนไปได้ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!!!!

ปล.ของเพือนแต่งมา 555+
---->>>บทที่2